เซี่ยงไฮ้, 7 ส.ค. 2568 /PRNewswire/ -- Envision Energy บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสีเขียว ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน CDP Climate Change A List ประจำปี 2567 ถือเป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนจากจีนรายแรกที่ได้รับเกียรตินี้ และเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานหมุนเวียนรายเดียวที่ได้คะแนนระดับ A โดย CDP (Carbon Disclosure Project) เป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ประกาศผลประจำปีนี้ หลังจากที่ได้ประเมินบริษัทกว่า 24,800 แห่งทั่วโลก และ Envision Energy ก็โดดเด่นขึ้นมาในฐานะบริษัทที่ติดอันดับ 2% แรกของโลก จากความมุ่งมั่นในด้านความโปร่งใสของข้อมูลสิ่งแวดล้อม ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ และการบุกเบิกแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน

ด้วยความที่ CDP ถือเป็นมาตรฐานระดับทองคำในการเปิดเผยข้อมูลสภาพภูมิอากาศทั่วโลก คะแนนที่ได้รับจึงถูกนำไปใช้ในวงกว้างสำหรับการประเมินการลงทุนตามหลัก ESG, ซัพพลายเชน รวมถึงการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของลูกค้า ความสำเร็จในครั้งนี้จึงตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Envision Energy ในด้านการบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนระดับโลก ทั้งยังสร้างมาตรฐานใหม่ในแง่ความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในเวทีสากล

ขับเคลื่อนซัพพลายเชนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการเป็นผู้นำด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์

นับตั้งแต่ปี 2565 ทาง Envision ได้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนจากการดำเนินงานมาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน โดยสามารถใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ 100% ในปี 2567 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมาย RE100 ที่วางไว้ถึงหนึ่งปี เมื่อเทียบกับปีฐานแล้ว การปล่อยคาร์บอนใน Scope 1 และ Scope 2 ของบริษัทฯ ลดลงถึง 91% เหลือเพียง 7,089 ตัน CO2 ในปี 2567 ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างครอบคลุม ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ของ Envision ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้กว่า 2.35 พันล้านตันทั่วโลก ซึ่งช่วยผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนของโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ

Envision มุ่งมั่นที่จะยกระดับซัพพลายเชนให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยี Net-Zero โดยบริษัทฯ ใช้ระบบบริหารจัดการคาร์บอนที่ขับเคลื่อนด้วย AIoT เพื่อประเมินคาร์บอนของซัพพลายเออร์รายหลัก ๆ อย่างครอบคลุม และให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์ในการลดคาร์บอนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน นอกจากนี้ Envision ยังสนับสนุนซัพพลายเออร์ด้วยโซลูชันพลังงานสีเขียวที่คุ้มค่าและหลากหลาย ครอบคลุมทั้งระบบกักเก็บพลังงาน โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบกระจายตัว การซื้อขายพลังงานสีเขียว การซื้อใบรับรองสีเขียว และบริการรับรองคาร์บอน ปัจจุบัน ณ ปี 2567 ซัพพลายเออร์รายหลักทั้งหมดได้เชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการคาร์บอนที่ขับเคลื่อนด้วย AIoT แล้ว โดย 18% ในจำนวนนี้สามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 100% ในการผลิตสินค้าให้กับ Envision ส่งผลให้ลดการปล่อยคาร์บอน Scope 3 ได้ประมาณ 19,000 ตัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าให้ซัพพลายเชนหลักทั้งหมดหันมาใช้ไฟฟ้าสีเขียว 100% ภายในปี 2571

ยกระดับกลยุทธ์ธุรกิจด้านสภาพภูมิอากาศ

เมื่อการบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนทิศทางคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม Envision จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อสร้างฐานข้อมูลและมาตรฐานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ ได้ริเริ่มเครือข่าย International ILCD Life Cycle Data Network ขึ้นมา โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างฐานข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานสากล โครงการนี้ไม่เพียงช่วยอุดช่องว่างทางข้อมูล แต่ยังช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนห่วงโซ่คุณค่าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกได้

Envision ยังคงเดินหน้าก้าวข้ามขีดจำกัดของพลังงานคาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่องทั้งบนบกและในทะเล โดยการเปิดตัวกังหันลมรุ่น Model T Pro และ Model Z Pro ในปี 2567 นั้นมาพร้อมกับความสามารถในการปรับใช้กับทุกสถานการณ์และผ่านการทดสอบในสภาวะที่รุนแรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า พร้อมทั้งลดปริมาณคาร์บอนต่อหน่วย ส่วน EN 5 Pro และ EN ACSkid-10000 ของ Envision เหนือชั้นทั้งในแง่ประสิทธิภาพ เสียงรบกวนต่ำ และความสามารถในการสร้างโครงข่ายไฟฟ้า จึงเป็นโซลูชันระบบกักเก็บพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งรองรับระบบพลังงานที่มีความเสถียร ยืดหยุ่น และยั่งยืน แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอมโมเนียสีเขียวของ Envision จากโครงการผลิตไฮโดรเจน-แอมโมเนียสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองฉือเฟิง ยังได้รับการรับรองจาก Bureau Veritas ด้วย นับเป็นแอมโมเนียหมุนเวียนรายแรกของโลกที่ได้รับเกียรตินี้ โดยเชื้อเพลิงแอมโมเนียสีเขียวที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ยังถูกนำไปใช้ในการเติมเชื้อเพลิงแอมโมเนียสีเขียวทางทะเลสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ด้วย

ขยายโมเดลนิคมอุตสาหกรรม Net Zero ไปทั่วโลก

Envision ได้บุกเบิกโมเดลนิคมอุตสาหกรรม Net Zero โดยมีแห่งแรกของโลกอยู่ที่เมืองออร์ดอสในมองโกเลียใน นิคมฯ แห่งนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานหมุนเวียนแบบออฟกริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้ผสานพลังงานหมุนเวียน, ระบบปฏิบัติการดิจิทัล Net Zero และกลุ่มอุตสาหกรรมสีเขียวเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อปลดล็อกศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนได้อย่างเต็มที่โดยไร้ข้อจำกัดด้านโครงข่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ภายในนิคมฯ ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียสีเขียวพลัง AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแบบเรียลไทม์ และยังได้รับการรับรอง ISCC Plus เป็นแห่งแรกของโลก สำหรับแอมโมเนียสีเขียวที่มีฟุตพริ้นท์ GHG ที่ตรวจสอบแล้ว โมเดลนี้เป็นที่ยอมรับจากองค์กรชั้นนำอย่าง World Economic Forum, Harvard Business School ทั้งยังได้รับรางวัล COP28 UAE Energy Transition Changemaker Award ด้วย

Envision ยังมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการกำหนดมาตรฐานสากล โดยร่วมมือกับ Bureau Veritas เพื่อส่งเสริมการรับรองและแนวปฏิบัติระดับสากลสำหรับนิคมอุตสาหกรรม Net Zero โมเดลนิคมอุตสาหกรรม Net Zero ของ Envision นั้นได้ขยายวงกว้างจากออร์ดอสสู่ฉือเฟิง จากจีนสู่สเปน และไปทั่วโลก ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบที่นำไปปรับใช้ได้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ความพยายามเหล่านี้ช่วยเร่งการผลิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระดับโลก การพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจสีเขียวในระดับภูมิภาค ก่อให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ และผลักดันความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วโลก

 


ที่มา : ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - Envision Energy ติดกลุ่มท็อป 2% ของโลก ขึ้นแท่นผู้นำในกลุ่มบริษัทพลังงานหมุนเวียนระดับโลกในการจัดอันดับ CDP Climate Change A https://www.prnasia.com/asia-story/archive/4746458_TH46458_10