ปักกิ่ง, 19 สิงหาคม 2568 /PRNewswire/ -- CGTN ได้ตีพิมพ์บทความซึ่งนำเสนอหมู่บ้านกาล่าย (Galai Village) ที่เป็น "หมู่บ้านดอกท้อแห่งแรก" ของซีจ้าง และการเปลี่ยนโฉมครั้งสำคัญของสถานที่นี้ ผ่านการพัฒนาด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว ระบบนิเวศ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของภูมิภาคนี้ในด้านการพัฒนาและการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดระยะเวลาหกทศวรรษที่ผ่านมา
"ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีกับพวกท่าน เมื่อได้ทราบว่าหมู่บ้านแห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และชาวบ้านต่างมีรายได้เพิ่มขึ้น" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) กล่าวไว้ในจดหมายฉบับล่าสุดที่ส่งถึงชาวบ้านทุกคนของหมู่บ้านกาล่าย เมืองหลินจือ (Nyingchi City) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเขตปกครองตนเองซีจ้าง (ทิเบต) ของจีน
ชาวบ้านได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีสี เพื่อแบ่งปันข้อมูลความก้าวหน้าและแสดงถึงความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นที่จะทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น การติดต่อกันครั้งนี้เกิดขึ้นสี่ปีหลังจากที่ประธานาธิบดีของจีนได้เดินทางเยี่ยมชมหมู่บ้านกาล่ายระหว่างการตรวจราชการเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2564 ซึ่งการเยี่ยมชมครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจกับสภาพบ้านเรือนที่สะอาดเรียบร้อย ชาวบ้านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และทิวทัศน์ที่งดงาม
ประธานาธิบดีสีกล่าวไว้ในระหว่างการเยือนครั้งนั้นว่า นี่คือพรที่บรรพบุรุษของพวกท่านได้ทิ้งไว้ให้ เป็นของขวัญแห่ง "ดินแดนดอกท้อ"
ตามวัฒนธรรมจีน คำว่า "ดินแดนดอกท้อ" เป็นคำอุปมาที่หมายถึงชุมชนอันงดงามสงบสุขและเปี่ยมด้วยความกลมเกลียว มีที่มาจากนิทานปรัมปราที่โด่งดังในศตวรรษที่ 5 แต่งโดยกวี Tao Yuanming หมู่บ้านกาล่ายซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "หมู่บ้านดอกท้อแห่งแรก" ของซีจ้าง จะบานสะพรั่งด้วยสีชมพูและขาวในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศจีนและต่างประเทศให้มาเยี่ยมชม และเปลี่ยนชุมชนที่เคยอยู่ห่างไกลแห่งนี้ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตอย่างรุ่งเรือง
จาก "ถนนสู่ฟ้า" สู่ "ถนนแห่งความมั่งคั่ง"
เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของกาล่ายเริ่มต้นด้วย "ถนน" สองสาย
สายแรกคือ "ถนนสู่ฟ้า" (sky road) ที่มุ่งสู่ที่ราบสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทั้งนี้ ก่อนการปลดปล่อยซีจ้างอย่างสันติในปี 2494 ที่นี่ไม่มีถนนที่เหมาะสมสำหรับการสัญจรโดยยานพาหนะ และแน่นอนว่าไม่มีแม้แต่ทางรถไฟ แล้วสิ่งนี้ก็เปลี่ยนไปเมื่อมีการสร้างทางหลวงชิงไห่-ซีจ้าง (Qinghai-Xizang) และเสฉวน-ซีจ้าง (Sichuan-Xizang) เสร็จสิ้นในปี 2497 ตามมาด้วยการเปิดใช้ทางรถไฟชิงไห่-ซีจ้างในปี 2549
ความยาวของถนนในซีจ้างเพิ่มขึ้นเกือบเป็นสองเท่าในระยะเวลาเพียง 12 ปี โดยในสิ้นปี 2567 มีความยาวถึง 124,900 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจาก 65,200 กิโลเมตรในปี 2555 และภายในปี 2567 ซีจ้างมีทางรถไฟที่เปิดใช้งานแล้วเป็นระยะทาง 1,359 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 701 กิโลเมตรที่บันทึกไว้ในปี 2555 นอกจากนี้ ยังมีการเปิดให้บริการเส้นทางการบิน 183 สาย เชื่อมภูมิภาคแห่งนี้กับ 78 เมืองทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนถนนสายที่สองคือ "ถนนแห่งความมั่งคั่ง" (prosperity road) ของการพัฒนาเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีสีได้แสดงความห่วงใยซีจ้างอย่างลึกซึ้งมายาวนาน ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงที่เขาทำงานในมณฑลฝูเจี้ยนในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 เมื่อมณฑลฝูเจี้ยนและเมืองหลินจือได้สร้างความร่วมมือใกล้ชิด อันเป็นส่วนหนึ่งของกลไกความช่วยเหลือแบบจับคู่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจีน ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 2537 เพื่อมอบการสนับสนุนโดยตรงและต่อเนื่องจากมณฑลและภูมิภาคที่พัฒนามากกว่าให้แก่ท้องถิ่นในซีจ้าง
ในปี 2554 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้นำคณะผู้แทนส่วนกลางเข้าร่วมการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งการปลดปล่อยซีจ้างอย่างสันติ โดยได้เยี่ยมชมหมู่บ้านต่าง ๆ ใกล้เคียงและกระตุ้นส่งเสริมให้ชาวบ้านพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและปกป้องสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
ที่หมู่บ้านกาล่าย ในปัจจุบันการท่องเที่ยวเติบโตอย่างเฟื่องฟูควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เช่น เกษตรอินทรีย์ หมู่บ้านได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ และในปี 2567 รายได้ที่ใช้จ่ายได้ต่อหัวของชาวบ้านก็เกินกว่า 40,000 หยวน (ประมาณ 5,579 ดอลลาร์สหรัฐ)
ภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของซีจ้าง
ความก้าวหน้าของหมู่บ้านกาล่ายสะท้อนถึงความสำเร็จในภาพรวมของซีจ้างตลอดกว่า 60 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การก่อตั้งเขตปกครองตนเองซีจ้าง
ซีจ้างมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในภูมิภาค (GDP) ในปี 2567 อยู่ที่ 276.5 พันล้านหยวน มากกว่าปี 2508 ถึง 155 เท่า ภูมิภาคแห่งนี้ยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 8.9 และคาดว่า GDP จะทะลุ 3 แสนล้านหยวนภายในปีนี้ ในปี 2567 รายได้ที่ใช้จ่ายได้ต่อหัวของชาวเมืองในซีจ้างอยู่ที่ 55,444 หยวน มากกว่าปี 2508 ถึง 121 เท่า โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.5 เปอร์เซ็นต์
ในจดหมายของประธานาธิบดีสีได้แสดงความหวังว่าชาวบ้านจะทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในการปกป้องรักษาความงดงามทางธรรมชาติของที่ราบสูง พัฒนาแบรนด์การท่องเที่ยวของหมู่บ้าน และมีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่ชายแดนที่มีความมั่งคั่งและมั่นคง ข้อความของเขายังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ต่อซีจ้างในระดับกว้าง ที่การมีชีวิตที่ดีขึ้นต้องดำเนินควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ระบบนิเวศและวัฒนธรรมชาติพันธุ์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค
https://news.cgtn.com/news/2025-08-14/A-peach-blossom-village-at-the-heart-of-Xizang-s-transformation-1FPjQZLXx7i/p.html
แสดงความคิดเห็น