กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย  , 4 พฤศจิกายน 2568  /PRNewswire/ -- องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (RSPO), ศูนย์เพื่อเจ้าของที่ดินรายย่อยอย่างยั่งยืน (CSS) ภายใต้มหาวิทยาลัยธุรกิจแห่งเอเชีย (ASB) และสมาคมเกษตรกรรายย่อยมาเลเซีย (NASH) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรรายย่อยในมาเลเซีย ด้วยการฝึกอบรม สร้างความพร้อมทางดิจิทัล และเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน

From left to right: Signing the MoU are Dr. Melati Nungsari, Asia School of Business (ASB); Guntur Cahyo Prabowo, Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) and Tuan Haji Adzmi bin Hassan, National Association of Smallholders (NASH)
From left to right: Signing the MoU are Dr. Melati Nungsari, Asia School of Business (ASB); Guntur Cahyo Prabowo, Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) and Tuan Haji Adzmi bin Hassan, National Association of Smallholders (NASH)

เกษตรกรรายย่อยของมาเลเซียกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันปาล์มน้ำมันที่ถือครองโดยเกษตรกรรายย่อยกว่าครึ่งมีอายุเกิน 25 ปี ประกอบกับจำนวนเกษตรกรสูงวัยมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ทั้งผลผลิตและรายได้ต้องรับมือกับแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน กรอบการดำเนินงานระดับโลก เช่น กฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ก็กำลังเข้ามาพลิกโฉมความคาดหวังทางการค้า และยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนสำหรับผู้ผลิตทุกราย

แม้จะมีความคืบหน้าอย่างมากในการขอรับรอง แต่เกษตรกรรายย่อยจำนวนมากยังคงติดอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกระหว่างการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กับความสามารถในการแข่งขัน ความร่วมมืออันสำคัญยิ่งนี้จึงมุ่งสร้างแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้เกษตรกรรายย่อยสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ และเตรียมพร้อมสู่การรับรองทั้งในระดับ RSPO และในระดับชาติ ซึ่งทั้งสองระบบนี้ถือเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน และเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้มาเลเซียในเวทีโลกในการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน

ในระหว่างพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ คุณ Adzmi bin Hassan ประธาน NASH ได้กล่าวถึงโครงการริเริ่มนี้ว่าเป็นการหวนคืนสู่จิตวิญญาณแห่งการเสริมสร้างศักยภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมเรื่องราวการพัฒนาชนบทของมาเลเซีย โดยกล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการนำมาตรฐานหนึ่งมาแทนที่อีกมาตรฐานหนึ่ง" และเสริมว่า "แต่คือการติดอาวุธทางความรู้ให้เกษตรกรรายย่อย เมื่อพวกเขามีความพร้อมสำหรับ RSPO แล้ว พวกเขาก็จะมีความพร้อมตามธรรมชาติสำหรับ MSPO ด้วยเช่นกัน เราให้ความสำคัญกับความสามารถ ความเชื่อมั่น และความต่อเนื่องเป็นหลัก"

"บันทึกความเข้าใจฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า เกษตรกรรายย่อยของมาเลเซียไม่ใช่ปัญหา แต่พวกเขาคือทางออก" คุณ Adzmi Hassan กล่าวต่อ "การประสานมาตรฐานระดับชาติและระดับนานาชาติเข้าด้วยกันนั้น เปิดโอกาสให้เราเปลี่ยนการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้กลายเป็นโอกาส คืนความภาคภูมิใจให้เกษตรกรรายย่อยของเรา และสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตที่ยั่งยืนของมาเลเซีย" ความร่วมมือนี้ยังสอดรับกับวาระแห่งชาติในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของเกษตรกรรายย่อย เสริมสร้างความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับตลอดซัพพลายเชน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายในภาคส่วนน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย

การยกระดับประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล และกระชับความร่วมมือให้ลึกซึ้งตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า จะเป็นหลักประกันว่าเกษตรกรรายย่อยทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนของมาเลเซีย โดยคุณ Guntur Cahyo Prabowo หัวหน้าหน่วยเกษตรกรรายย่อยของ RSPO กล่าวเสริมว่า "ความยั่งยืนจะต้องไม่กลายเป็นอุปสรรคกีดขวาง การเป็นพันธมิตรเช่นนี้เปิดโอกาสให้มาเลเซียแสดงให้เห็นถึงวิธีนำนโยบายที่เน้นการมีส่วนร่วม มาแปรเป็นการปฏิบัติในพื้นที่จริง โดยมีเกษตรกรรายย่อยเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์หลัก" ทั้งยังยกย่องที่รัฐบาลมุ่งเน้นการวางเกษตรกรรายย่อยไว้เป็นแกนกลางของนโยบายความยั่งยืน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เขาระบุว่า เพื่อนบ้านของมาเลเซียหลาย ๆ ประเทศกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดและนำไปเป็นแบบอย่างได้ การเร่งจัดการกับประเด็นสำคัญเหล่านี้ในขณะนี้ จึงเป็นโอกาสให้ประเทศสามารถทำตัวเป็นแบบอย่างด้วยการพิสูจน์ให้เห็นว่า การมีส่วนร่วมและการสร้างสรรค์นวัตกรรมนั้นก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันได้ เพื่อให้บรรลุผลดังกล่าว สถาบัน ผู้ผลิต และคู่ค้าในตลาดจึงควรผนึกกำลังให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เกษตรกรรายย่อยจะต้องได้รับการสนับสนุน ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อให้บรรลุมาตรฐานเท่านั้น แต่ต้องเติบโตอย่างเข้มแข็งด้วยการจัดการองค์กรและเครื่องมือในการตรวจสอบย้อนกลับที่ดีขึ้น และโอกาสในการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง

ความร่วมมือระหว่าง NASH–RSPO–ASB ถือเป็นการผสานพลังระหว่างเครือข่ายระดับรากหญ้า การวิจัยเชิงวิชาการ และความเชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนระดับโลก ตามข้อตกลงร่วมกันนี้ การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้สมาชิก NASH จะดำเนินการแบบเป็นขั้นเป็นตอน โดยเน้นการฝึกอบรมที่เจาะจงในมิติต่าง ๆ ทั้งหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี การจัดทำบันทึกข้อมูล และการพัฒนาภาวะผู้นำ นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับการรวบรวมข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบย้อนกลับ และส่งเสริมแรงจูงใจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน ซึ่งจะทำให้การผลิตอย่างรับผิดชอบนั้นสร้างผลกำไรได้และมีความมั่นคงด้วย

ดร. Asad Ata ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อเจ้าของที่ดินรายย่อยยั่งยืน (CSS) ในสังกัด ASB ได้เน้นย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นอันยาวนานของ ASB ในการเปลี่ยนผลการวิจัย ให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม "นี่คือการวิจัยที่ปฏิบัติได้จริง" ดร. Ata กล่าว "เราบูรณาการข้อมูล การอบรม และประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับ เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้เกษตรกรรายย่อยยกระดับจากการรับรองมาตรฐาน ไปสู่ความสามารถในการปรับตัว และความเติบโต เมื่อความยั่งยืนมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและโอกาสที่เป็นธรรมมารองรับ สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงและเพิ่มอำนาจในมือเกษตรกร"

ความร่วมมือระยะเวลา 3 ปีนี้จะเริ่มต้นขึ้นทันที โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดกรอบการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานท้องถิ่นและผู้นำชุมชน มาเลเซียกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เกษตรกรรายย่อยจะถูกนิยามใหม่ ซึ่งความร่วมมือระหว่าง NASH–RSPO–ASB เป็นเครื่องยืนยันว่า การพัฒนาและความยั่งยืนจะมีพลังมากที่สุดเมื่อเกษตรกรรายย่อยมีส่วนร่วม การมีหลักฐานรองรับ และมีเป้าหมายร่วมกัน

เกี่ยวกับ RSPO

Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) หรือองค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน เป็นความร่วมมือระดับโลกในการทำให้ปาล์มน้ำมันเกิดความยั่งยืน RSPO ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2547 เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายภาคส่วน ซึ่งรวบรวมสมาชิกจากตลอดห่วงโซ่คุณค่าน้ำมันปาล์ม ซึ่งรวมถึงผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ผู้แปรรูปและผู้ค้าน้ำมันปาล์ม ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ค้าปลีก ธนาคารและนักลงทุน องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสังคมและการพัฒนา

ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อความก้าวหน้าและสร้างผลกระทบเชิงบวก RSPO สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงระดับโลก เพื่อทำให้การผลิตและการบริโภคน้ำมันปาล์มยั่งยืน โดยสื่อสารถึงประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นความร่วมมือเพื่อความก้าวหน้า และให้การรับประกันโดยการกำหนดมาตรฐานการรับรอง

RSPO จดทะเบียนเป็นสมาคมระหว่างประเทศในเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีสำนักงานหลักในมาเลเซียและอินโดนีเซีย และมีสำนักงานในจีน โคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ NASH

สมาคมเกษตรกรรายย่อยมาเลเซีย (NASH) ทำหน้าที่เป็นตัวแทนและเป็นกระบอกเสียงในการขับเคลื่อนผลประโยชน์ของเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ โดยมีพันธกิจหลักในการเสริมสร้างศักยภาพ ผลักดันนโยบาย และยกระดับสวัสดิภาพ รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตในภาคส่วนนี้ให้ดีขึ้น

เกี่ยวกับ ASB

Asia School of Business (ASB) หรือมหาวิทยาลัยธุรกิจแห่งเอเชีย เป็นสถาบันบัณฑิตศึกษาด้านธุรกิจที่ก่อตั้งจากความร่วมมือกับ Sloan School of Management ในสังกัด Massachusetts Institute of Technology (MIT) เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา ASB นำเสนอหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาและหลักสูตรระยะสั้น (non-degree) รวมถึงโครงการด้านการวิจัย นวัตกรรม และการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งครอบคลุมหลักสูตรด้านภาวะผู้นำและการจัดการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบุคลากรคุณภาพด้านธุรกิจและผู้นำในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

 

 

NASH
NASH

ภาพถ่าย - https://mma.prnasia.com/media2/2812909/Roundtable_On_Sustainable_Palm_Oil_MOU_Signing.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2380937/RSPO_Trademark_Logo_transparent_png_Logo.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2811088/ASB_Logo.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2811089/NASH.jpg?p=medium600


ที่มา : ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - RSPO, NASH และ ASB ผนึกกำลังเสริมศักยภาพเกษตรกรรายย่อยมาเลเซีย เดินหน้าขับเคลื่อนน้ำมันปาล์มยั่งยืน https://www.prnasia.com/asia-story/archive/4813166_TH13166_10