เซินเจิ้น ประเทศจีน – Media OutReach Newswire – 29 กรกฎาคม 2568 – หลังจากการเปิดตัวทั่วโลกของ Reno14 Series ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟน AI รุ่นล่าสุดของ OPPO ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพด้วย AI อันล้ำสมัยและดีไซน์สุดล้ำ ล่าสุด OPPO ได้ประกาศเปิดตัวการอัปเกรดครั้งใหญ่ของระบบบริการหลังการขาย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ AndesGPT ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทเองโดยเฉพาะ การอัปเกรดในครั้งนี้ทำให้ OPPO กลายเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนรายแรกที่ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับทั้งผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมยกระดับมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านขอบเขตการให้บริการ คุณภาพ และประสบการณ์ผู้ใช้งานของบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา OPPO ได้เดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านศักยภาพและขีดความสามารถของบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านบริการ AI กว่า 100 คน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสาน AI เข้าไปในทุกขั้นตอนของการให้บริการลูกค้า Samuel Fang หัวหน้าฝ่ายบริการหลังการขายทั่วโลกของ OPPO กล่าวว่า
"AI ไม่ได้เป็นเพียงตัวขับเคลื่อนให้ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีของเราก้าวล้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมในรูปแบบงานบริการของเรา เรานำ AI เข้ามาเสริมศักยภาพของบริการลูกค้าทั้งในระดับการวิจัยและพัฒนา ประสบการณ์ของลูกค้า และการดำเนินงานทางธุรกิจ และในวันนี้ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเอเจนต์ AI เรากำลังเปลี่ยนโฉมการบริการลูกค้าจากการตอบสนองในเชิงรับ มาเป็นเชิงรุกอย่างแท้จริง เพื่อมอบประสบการณ์บริการที่ชาญฉลาด รอบคอบ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน OPPO"
OPPO ผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยระบบบริการอัจฉริยะเฉพาะของแบรนด์
ด้วยข้อจำกัดของระบบบริการลูกค้าในปัจจุบันที่มักยึดติดอยู่กับการตอบกลับแบบอัตโนมัติตามคำสั่งที่ตั้งไว้ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานแต่ละบุคคลในยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง OPPO จึงได้พัฒนาระบบบริการอัจฉริยะเฉพาะของตนเอง โดยผสานความสามารถในการเข้าใจความหมายของภาษาเข้ากับเทคโนโลยี Generative AI เพื่อรองรับการโต้ตอบหลายภาษาครอบคลุมหลากหลายสถานการณ์ ระบบนี้สามารถนำเสนอคำตอบและแนวทางแก้ไขที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยอ้างอิงจากการเข้าใจเจตนาของผู้ใช้อย่างแม่นยำ และยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย AI แบบเรียลไทม์ให้กับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยยังคงรักษาความใส่ใจและความอบอุ่นจากการให้บริการโดยมนุษย์ไว้อย่างครบถ้วน
เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก OPPO ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการปรับระบบบริการอัจฉริยะให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค พร้อมให้บริการแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ใน 13 ภาษา และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน OPPO ยังเป็นแบรนด์แรกในอุตสาหกรรมที่เปิดให้บริการผ่าน WhatsApp ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ครอบคลุม 13 ตลาดทั่วโลก โดยแต่ละแห่งได้รับการสนับสนุนจากระบบคลาวด์ของแต่ละประเทศ ช่วยให้ประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นไปอย่างราบรื่นและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบัน ผู้ใช้งาน OPPO ทั่วโลกกว่า 60% สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยตรงผ่านระบบ AI และภายในสิ้นปี 2568 ระบบดังกล่าวจะขยายครอบคลุมสู่ 21 ตลาด และจะให้บริการผ่านแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง Facebook, Line และ Zalo (แพลตฟอร์มโซเชียลชั้นนำของเวียดนาม) OPPO มุ่งมั่นในการมอบบริการที่สะดวก เข้าถึงง่าย และเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ผ่านการปรับให้เข้ากับภาษาและพฤติกรรมการสื่อสารของแต่ละท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
กรอบการให้บริการแบบครบวงจรด้วย AI ช่วยแก้ปัญหาได้รวดเร็ว
ระบบบริการอัจฉริยะใหม่นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การอัปเกรดแชตบอตธรรมดา แต่เป็นการยกระดับสู่กรอบการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการดูแลลูกค้า โดย OPPO เป็นผู้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยพื้นฐานจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้ที่เก็บรวบรวมอย่างละเอียด ระบบดังกล่าวขับเคลื่อนโดยโมเดล AndesGPT ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO และออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมการบริการแบบปิด ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การรู้จำความหมายด้วย AI ระบบกำหนดเส้นทางอัจฉริยะ และฐานข้อมูลความรู้แบบไดนามิก เมื่อผู้ใช้ส่งคำร้องเข้ามา ระบบจะทำการวิเคราะห์ความหมายเพื่อระบุเจตนาที่แท้จริง จากนั้นจะใช้การกำหนดเส้นทางอัจฉริยะในการตัดสินใจว่า ควรส่งต่อคำร้องไปยังเจ้าหน้าที่หรือสามารถตอบกลับผ่าน AI ได้โดยตรง ขั้นตอนถัดไปคือการสร้างคำตอบที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลความรู้ที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถตอบสนองคำร้องของผู้ใช้ได้แทบจะในทันที สำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก OPPO ยังได้ผสานเครื่องมือแปลภาษา AI ที่พัฒนาขึ้นเองเข้ากับระบบ เพื่อให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้ได้อย่างถูกต้องในหลากหลายภาษา
OPPO ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเคร่งครัด โดยได้ผสานระบบบริการอัจฉริยะเข้ากับระบบนิเวศของ OPPO อย่างครบวงจร ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่ราบรื่นและสอดคล้องกันระหว่างอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ OPPO พร้อมเข้าถึงบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา และเพื่อรองรับความต้องการบริการที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ระบบยังเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถสลับไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บริการได้ทันทีเมื่อต้องการ ขณะเดียวกัน ผู้ช่วย AI ก็ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า หรือการจัดเตรียมคำตอบที่เหมาะสม ช่วยสร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ภาระงานของเจ้าหน้าที่ลดลงถึง 40% ช่วยให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลคำร้องที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้อย่างเต็มที่
เพื่อให้ระบบสามารถปรับตัวได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในระยะยาว OPPO ได้จัดตั้งบทบาทด้านการดำเนินงาน AI ในแต่ละภูมิภาคหลักทั่วโลก โดยทีมงานเหล่านี้มีหน้าที่ในการสร้างฐานข้อมูลความรู้ในระดับท้องถิ่น ปรับจูนโมเดล AI ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละตลาด และรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้งานเพื่อนำไปพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ OPPO ยังเดินหน้าขยายขีดความสามารถของบริการอัจฉริยะรุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว จากช่องทางออนไลน์ไปสู่จุดบริการออฟไลน์ในอนาคตอีกด้วย เช่น ระบบ AI ที่สามารถดึงข้อมูลประกอบก่อนสร้างคำตอบ ผู้ช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ และระบบจัดคิวอัจฉริยะ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของหลากหลายอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างต่อเนื่อง OPPO ยังคงมุ่งเน้นสองแนวทางหลักควบคู่กัน ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการยกระดับบริการอัจฉริยะ เพื่อมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน ไม่เพียงเท่านั้น แนวทางดังกล่าวยังได้พลิกโฉมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พร้อมวางมาตรฐานใหม่ให้กับบริการลูกค้าอัจฉริยะ ที่ผสานประสิทธิภาพสูงสุดเข้ากับความใส่ใจแบบมนุษย์ได้อย่างลงตัว
Hashtag: #OPPO


ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา OPPO ได้เดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านศักยภาพและขีดความสามารถของบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านบริการ AI กว่า 100 คน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสาน AI เข้าไปในทุกขั้นตอนของการให้บริการลูกค้า Samuel Fang หัวหน้าฝ่ายบริการหลังการขายทั่วโลกของ OPPO กล่าวว่า
"AI ไม่ได้เป็นเพียงตัวขับเคลื่อนให้ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีของเราก้าวล้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมในรูปแบบงานบริการของเรา เรานำ AI เข้ามาเสริมศักยภาพของบริการลูกค้าทั้งในระดับการวิจัยและพัฒนา ประสบการณ์ของลูกค้า และการดำเนินงานทางธุรกิจ และในวันนี้ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเอเจนต์ AI เรากำลังเปลี่ยนโฉมการบริการลูกค้าจากการตอบสนองในเชิงรับ มาเป็นเชิงรุกอย่างแท้จริง เพื่อมอบประสบการณ์บริการที่ชาญฉลาด รอบคอบ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน OPPO"
OPPO ผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยระบบบริการอัจฉริยะเฉพาะของแบรนด์
ด้วยข้อจำกัดของระบบบริการลูกค้าในปัจจุบันที่มักยึดติดอยู่กับการตอบกลับแบบอัตโนมัติตามคำสั่งที่ตั้งไว้ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานแต่ละบุคคลในยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง OPPO จึงได้พัฒนาระบบบริการอัจฉริยะเฉพาะของตนเอง โดยผสานความสามารถในการเข้าใจความหมายของภาษาเข้ากับเทคโนโลยี Generative AI เพื่อรองรับการโต้ตอบหลายภาษาครอบคลุมหลากหลายสถานการณ์ ระบบนี้สามารถนำเสนอคำตอบและแนวทางแก้ไขที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยอ้างอิงจากการเข้าใจเจตนาของผู้ใช้อย่างแม่นยำ และยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย AI แบบเรียลไทม์ให้กับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยยังคงรักษาความใส่ใจและความอบอุ่นจากการให้บริการโดยมนุษย์ไว้อย่างครบถ้วน
เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก OPPO ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการปรับระบบบริการอัจฉริยะให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค พร้อมให้บริการแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ใน 13 ภาษา และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน OPPO ยังเป็นแบรนด์แรกในอุตสาหกรรมที่เปิดให้บริการผ่าน WhatsApp ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ครอบคลุม 13 ตลาดทั่วโลก โดยแต่ละแห่งได้รับการสนับสนุนจากระบบคลาวด์ของแต่ละประเทศ ช่วยให้ประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นไปอย่างราบรื่นและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบัน ผู้ใช้งาน OPPO ทั่วโลกกว่า 60% สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยตรงผ่านระบบ AI และภายในสิ้นปี 2568 ระบบดังกล่าวจะขยายครอบคลุมสู่ 21 ตลาด และจะให้บริการผ่านแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง Facebook, Line และ Zalo (แพลตฟอร์มโซเชียลชั้นนำของเวียดนาม) OPPO มุ่งมั่นในการมอบบริการที่สะดวก เข้าถึงง่าย และเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ผ่านการปรับให้เข้ากับภาษาและพฤติกรรมการสื่อสารของแต่ละท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
กรอบการให้บริการแบบครบวงจรด้วย AI ช่วยแก้ปัญหาได้รวดเร็ว
ระบบบริการอัจฉริยะใหม่นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การอัปเกรดแชตบอตธรรมดา แต่เป็นการยกระดับสู่กรอบการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการดูแลลูกค้า โดย OPPO เป็นผู้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยพื้นฐานจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้ที่เก็บรวบรวมอย่างละเอียด ระบบดังกล่าวขับเคลื่อนโดยโมเดล AndesGPT ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO และออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมการบริการแบบปิด ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การรู้จำความหมายด้วย AI ระบบกำหนดเส้นทางอัจฉริยะ และฐานข้อมูลความรู้แบบไดนามิก เมื่อผู้ใช้ส่งคำร้องเข้ามา ระบบจะทำการวิเคราะห์ความหมายเพื่อระบุเจตนาที่แท้จริง จากนั้นจะใช้การกำหนดเส้นทางอัจฉริยะในการตัดสินใจว่า ควรส่งต่อคำร้องไปยังเจ้าหน้าที่หรือสามารถตอบกลับผ่าน AI ได้โดยตรง ขั้นตอนถัดไปคือการสร้างคำตอบที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลความรู้ที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถตอบสนองคำร้องของผู้ใช้ได้แทบจะในทันที สำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก OPPO ยังได้ผสานเครื่องมือแปลภาษา AI ที่พัฒนาขึ้นเองเข้ากับระบบ เพื่อให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้ได้อย่างถูกต้องในหลากหลายภาษา
OPPO ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเคร่งครัด โดยได้ผสานระบบบริการอัจฉริยะเข้ากับระบบนิเวศของ OPPO อย่างครบวงจร ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่ราบรื่นและสอดคล้องกันระหว่างอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ OPPO พร้อมเข้าถึงบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา และเพื่อรองรับความต้องการบริการที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ระบบยังเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถสลับไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บริการได้ทันทีเมื่อต้องการ ขณะเดียวกัน ผู้ช่วย AI ก็ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า หรือการจัดเตรียมคำตอบที่เหมาะสม ช่วยสร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ภาระงานของเจ้าหน้าที่ลดลงถึง 40% ช่วยให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลคำร้องที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้อย่างเต็มที่
เพื่อให้ระบบสามารถปรับตัวได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในระยะยาว OPPO ได้จัดตั้งบทบาทด้านการดำเนินงาน AI ในแต่ละภูมิภาคหลักทั่วโลก โดยทีมงานเหล่านี้มีหน้าที่ในการสร้างฐานข้อมูลความรู้ในระดับท้องถิ่น ปรับจูนโมเดล AI ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละตลาด และรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้งานเพื่อนำไปพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ OPPO ยังเดินหน้าขยายขีดความสามารถของบริการอัจฉริยะรุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว จากช่องทางออนไลน์ไปสู่จุดบริการออฟไลน์ในอนาคตอีกด้วย เช่น ระบบ AI ที่สามารถดึงข้อมูลประกอบก่อนสร้างคำตอบ ผู้ช่วยตอบอีเมลอัตโนมัติ และระบบจัดคิวอัจฉริยะ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของหลากหลายอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างต่อเนื่อง OPPO ยังคงมุ่งเน้นสองแนวทางหลักควบคู่กัน ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการยกระดับบริการอัจฉริยะ เพื่อมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน ไม่เพียงเท่านั้น แนวทางดังกล่าวยังได้พลิกโฉมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พร้อมวางมาตรฐานใหม่ให้กับบริการลูกค้าอัจฉริยะ ที่ผสานประสิทธิภาพสูงสุดเข้ากับความใส่ใจแบบมนุษย์ได้อย่างลงตัว
Hashtag: #OPPO
The issuer is solely responsible for the content of this announcement.
แสดงความเห็น